Role, draw, co-op; ok?!
แอคทีฟทุกวันหลัง 18.00 น. เป็นต้นไป
สบถออกมาเบา ๆ ยามเมื่อเห็นแผ่นหลังของอีกฝ่ายของหายไปในกลุ่มฝูงชน—-ว่าจบก็กลับไปสนใจธุระของตนแทนที่จะรุดหน้าไปหาเรื่องอะไรต่อ
สบถออกมาเบา ๆ ยามเมื่อเห็นแผ่นหลังของอีกฝ่ายของหายไปในกลุ่มฝูงชน—-ว่าจบก็กลับไปสนใจธุระของตนแทนที่จะรุดหน้าไปหาเรื่องอะไรต่อ
หล่อนรู้สึกไม่มีความจำเป็นต้องตอบคำถามเลยไม่ได้พูดอะไรไป ตัวชะงักเล็กน้อยยามที่มือของคนตรงหน้าเอื้อมมาช่วยหยิบใบไม้ออกให้แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
“ถ้าวันแรกยังทำออกมาได้ไม่ดี วันอื่น ๆ จะดีได้ยังไงล่ะ”
“…เด็กใหม่?”
ถึงจะไม่ใช่พวกชอบปฏิสัมพันธ์ กลับดันเป็นคนจำหน้าได้เก่งพอควร, พิจารณาจากหัวถึงเท้าแล้วไม่คุ้นหน้าค่าตาเลยเลือกทักแบบนั้นออกไป
หล่อนรู้สึกไม่มีความจำเป็นต้องตอบคำถามเลยไม่ได้พูดอะไรไป ตัวชะงักเล็กน้อยยามที่มือของคนตรงหน้าเอื้อมมาช่วยหยิบใบไม้ออกให้แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
“ถ้าวันแรกยังทำออกมาได้ไม่ดี วันอื่น ๆ จะดีได้ยังไงล่ะ”
“…เด็กใหม่?”
ถึงจะไม่ใช่พวกชอบปฏิสัมพันธ์ กลับดันเป็นคนจำหน้าได้เก่งพอควร, พิจารณาจากหัวถึงเท้าแล้วไม่คุ้นหน้าค่าตาเลยเลือกทักแบบนั้นออกไป
“…”
แม้ปากจะไม่ได้อุทานคำไม่พึงประสงค์ออกมา แต่มือก็รีบสางเส้นผมตรงของหล่อนแทบจะทันที
ส่วนใบหน้าบอกได้เลยว่าไม่สบอารมณ์สุด ๆ
วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดเรียน—-แน่ใจเต็มร้อยแล้วว่าหน้าผมออกมาเรียบร้อยที่สุดไม่ต่างกับทุกวัน คนละเอียดอย่างชินจูไม่น่าพลาดกับเรื่องสังเกตได้ง่ายอย่างผมชี้โด่เด่ได้ด้วยซ้ำ
“…”
แม้ปากจะไม่ได้อุทานคำไม่พึงประสงค์ออกมา แต่มือก็รีบสางเส้นผมตรงของหล่อนแทบจะทันที
ส่วนใบหน้าบอกได้เลยว่าไม่สบอารมณ์สุด ๆ
วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดเรียน—-แน่ใจเต็มร้อยแล้วว่าหน้าผมออกมาเรียบร้อยที่สุดไม่ต่างกับทุกวัน คนละเอียดอย่างชินจูไม่น่าพลาดกับเรื่องสังเกตได้ง่ายอย่างผมชี้โด่เด่ได้ด้วยซ้ำ
“ก็แล้วแต่ว่านายจะคิดยังไง?”
ยามเมื่อความเงียบวนกลับมาอีกครั้ง ชินจูก็ไม่คิดจะพูดเสริมให้บริบทรอบข้างดูกระจ่างขึ้นแม้แต่น้อย, บรรยากาศขมุกขมัวจนน่าหงุดหงิด
—-สาวเจ้าโน้มตัวกับขอบหน้าต่างรับลมที่พัดมา ส่วนดวงตาไร้แววจดจ้องไปที่กลุ่มนักเรียนด้านล่างไม่ต่างกับที่เพิ่งทำใส่เทปเปย์นัก
ราวกับบอกชายหนุ่มทางอ้อมว่าเธอทำแบบนี้กับทุกคน แถมกึ่ง ๆ ชักชวนให้มาร่วมขบวนการด้วยกันอีก
“ก็แล้วแต่ว่านายจะคิดยังไง?”
ยามเมื่อความเงียบวนกลับมาอีกครั้ง ชินจูก็ไม่คิดจะพูดเสริมให้บริบทรอบข้างดูกระจ่างขึ้นแม้แต่น้อย, บรรยากาศขมุกขมัวจนน่าหงุดหงิด
—-สาวเจ้าโน้มตัวกับขอบหน้าต่างรับลมที่พัดมา ส่วนดวงตาไร้แววจดจ้องไปที่กลุ่มนักเรียนด้านล่างไม่ต่างกับที่เพิ่งทำใส่เทปเปย์นัก
ราวกับบอกชายหนุ่มทางอ้อมว่าเธอทำแบบนี้กับทุกคน แถมกึ่ง ๆ ชักชวนให้มาร่วมขบวนการด้วยกันอีก
หล่อนรีบเงยหน้าขึ้นตอบกลับอย่างทันควัน ว่าจบก็หันไปสนใจกัดขนมปัง
—-นอกเหนือจากกล่องนมที่สนใจจากอาการคอแห้ง ดูเหมือนว่านิสัยแย่ ๆ อย่างการจ้องพิจารณาคู่สนทนาตั้งแต่หัวจรดเท้าจะตามติดมาด้วย
จงใจทิ้งให้อีกฝ่ายไม่เข้าใจต่อไปเสียอย่างนั้น, ก็…ใครมันจะไปพูดตรง ๆ ว่าหิวน้ำกับคนไม่รู้จักกันล่ะ?
หล่อนรีบเงยหน้าขึ้นตอบกลับอย่างทันควัน ว่าจบก็หันไปสนใจกัดขนมปัง
—-นอกเหนือจากกล่องนมที่สนใจจากอาการคอแห้ง ดูเหมือนว่านิสัยแย่ ๆ อย่างการจ้องพิจารณาคู่สนทนาตั้งแต่หัวจรดเท้าจะตามติดมาด้วย
จงใจทิ้งให้อีกฝ่ายไม่เข้าใจต่อไปเสียอย่างนั้น, ก็…ใครมันจะไปพูดตรง ๆ ว่าหิวน้ำกับคนไม่รู้จักกันล่ะ?
ชินจูไม่ใช่พวกช่างจ้อ, เธอเลือกเงียบไว้ตราบใดที่คนข้างเคียงไม่ทักขึ้นมาก่อน เพราะเห็นว่าตรงนี้สงบดีเลยสามารถยืนกินข้าวเที่ยงได้อย่างสบายใจล่ะมั้งนะ?
“…”
แต่กิน ๆ ขนมปังไปก็เริ่มคอแห้งขึ้นมา จนนมในมือเทปเปย์น่าดื่มขึ้นมาซะได้ อยากดื่มจังน้า…
ชินจูไม่ใช่พวกช่างจ้อ, เธอเลือกเงียบไว้ตราบใดที่คนข้างเคียงไม่ทักขึ้นมาก่อน เพราะเห็นว่าตรงนี้สงบดีเลยสามารถยืนกินข้าวเที่ยงได้อย่างสบายใจล่ะมั้งนะ?
“…”
แต่กิน ๆ ขนมปังไปก็เริ่มคอแห้งขึ้นมา จนนมในมือเทปเปย์น่าดื่มขึ้นมาซะได้ อยากดื่มจังน้า…