จีน "ฟรีวีซา" รัสเซีย แต่เหตุใดอาจไม่ใช่ชัยชนะของรัสเซีย
จีน "ฟรีวีซา" รัสเซีย แต่เหตุใดอาจไม่ใช่ชัยชนะของรัสเซีย
ภาพจาก commons.wikimedia จาก www.kremlin.ru.
See Think
Fri, 2025-10-10 - 19:24
ถึงแม้ว่านโยบาย "ฟรีวีซาสำหรับชาวรัสเซีย" จะดูเหมือนเป็นของขวัญจากจีนที่มีให้กับพันธมิตรใกล้ชิดอย่างรัสเซีย แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับสะท้อนว่ารัสเซียอยู่ในฐานะผู้พึ่งพาจีนมากกว่าจะเป็นคู่เจรจาที่เท่าเทียมกับจีน ทำให้จีนอาศัยเรื่องการ "เปิดพรมแดน" มาเป็นเครื่องมือทางการทูต ไปพร้อมๆ กับทำตัวเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขและเวลาสำหรับนโยบายนี้ จีนได้รอให้สงครามยูเครนผ่านมาหลายปีถึงเริ่มใช้นโยบายนี้ ด้วยเหตุผลเรื่องความมั่นคงจากผลพวงของสงครามยูเครน
เมื่อช่วงก่อนที่จะมีการจัดขบวนพาเหรดฉลองครบรอบ 80 ปีนับตั้งแต่การสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของจีนก็ได้ประกาศนโยบาย "ฟรีวีซา" หรือการยกเว้นวีซาให้กับชาวรัสเซีย ทำให้ชาวรัสเซียสามารถเดินทางเข้าประเทศจีนได้เพียงแค่มีหนังสือเดินทางโดยไม่จำเป็นต้องมีวีซ่า ทางการจีนจะมีการทดลองใช้นโยบายดังกล่าวนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2568 ไปจนถึงปีหน้าคือ 14 กันยายน 2569
เรื่องนี้ทำให้ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียกล่าวขอบคุณประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ของจีนเป็นการส่วนตัว และมองสิ่งที่จีนทำว่าเป็น "การกระทำที่มีไมตรีจิต" รวมถึงให้สัญญาว่าทางการรัสเซียจะตอบแทนต่อความใจดีนี้ แต่ทว่า นโยบายนี้เป็นของขวัญที่จีนจงใจมอบให้กับรัสเซียในฐานะประเทศที่เป็นมิตรแบบเท่าเทียมกันจริงหรือไม่
สื่อมอสโกไทม์มองว่า เรื่องนี้น่าสังเกตตรงที่ไม่เพียงแค่มันสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียที่ลึกซึ้งขึ้นเท่านั้น แต่ยังเน้นย้ำให้เห็นว่ารัสเซียมีความเป็นรองในความสัมพันธ์กับจีนด้วย อีกทั้งเรื่องนี้ยังน่าจะสร้างผลประโยชน์ให้กับจีนมากกว่าจะเป็นแค่เรื่องความใจดีเชิงกระชับมิตรภาพ
ไม่ถึงหนึ่งวันหลังจากที่มีการประกาศฟรีวีซา ก็มีคนจองตั๋วเครื่องบินไปจีนเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่า มียอดการจองโรงแรมสูงขึ้นร้อยละ 7 และมีการเสิร์จหาเรื่องเกี่ยวกับจีนในเว็บค้นหาของรัสเซีย Yandex เพิ่มขึ้นจำนวนมาก
ในสื่อโกลบอลไทม์ของรัฐบาลจีน ก็มีรายงานข่าวเรื่องที่ว่า "การท่องเที่ยวและการค้าระหว่างจีน-รัสเซีย กำลังได้รับแรงกระตุ้นมากขึ้น" หลังจากที่เริ่มมีการทดลองใช้นโยบายยกเว้นวีซาชาวรัสเซีย
โกลบอลไทม์ระบุว่า ในวันที่ 15 กันยายน วันแรกที่มีการประกาศใช้นโยบายยกเว้นวีซา ก็มีนักท่องเที่ยวชุดแรกจากรัสเซียเดินทางเข้าจีนมากกว่า 300 ราย โดยพวกเขาได้เดินทางเข้ามาทางหม่านโจวหลี่ เมืองของจีนที่มีชายแดนติดชายแดนรัสเซีย เป็นเมืองศูนย์กลางการค้าที่สำคัญระหว่างสองประเทศ
นอกจากเรื่องการท่องเที่ยวแล้ว ทางการจีนยังมองเรื่องประโยชน์อื่นๆ เช่น ความสะดวกในการเดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจ การจัดประชุม งานจัดแสดง งานอีเวนต์อื่นๆ รวมถึงการกระชับมิตรระหว่างสองประเทศด้วย
Qiu Shiyan ซีอีโอของบริษัท Katyusha ซึ่งเป็นบริษัทด้านห่วงโซ่อุปทานที่มีฐานในเซินเจิ้น ให้บริการด้านช่วยเหลือบริษัทจีนในการเปิดร้านค้าออนไลน์ในรัสเซีย ได้เล็งเห็นเรื่องการเติบโตทางธุรกิจระหว่างจีนกับรัสเซียซึ่งมาจากอีคอมเมิร์ซ โดยระบุว่าระหว่างปี 2562-2567 ตลาดอีคอมเมิร์ซระหว่างจีนกับรัสเซียมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นจากราว 2,000 ล้านรูเบิล (ราว 798 ล้านบาท) เป็นเกือบ 10,000 ล้านรูเบิล (ราว 3,990 ล้านบาท)
เมื่อพิจารณาจากการที่รัสเซียในปัจจุบันเข้าถึงชาติตะวันตกได้ยากแล้ว ก็ทำให้ชาวรัสเซียที่ต้องการไปพักผ่อนในวันหยุด หันไปสนใจท่องเที่ยวกลุ่มประเทศโลกทางใต้แทน ซึ่งรวมถึงประเทศจีนด้วย
เพราะหลังจากที่ปูตินทำสงครามยูเครนชาติตะวันตกก็เริ่มปิดกั้นรัสเซีย ถึงแม้ว่าทางสหภาพยุโรปหรืออียูจะไม่ถึงขั้นแบนนักท่องเที่ยวรัสเซีย แต่อียูก็ยังคงห้ามเครื่องบินพาณิชย์ของรัสเซียบินผ่านน่านฟ้าของพวกเขา การที่ชาวรัสเซียจะขอวีซาเชงเกนสำหรับเดินทางในยุโรปก็เป็นเรื่องยากขึ้นเท่าตัว รวมถึงยังมีค่าธรรมเนียมคำปรึกษาการทำวีซาเพิ่มขึ้นด้วย
การที่ชาวรัสเซียจะเดินทางไปสหรัฐฯ ก็ยุ่งยากพอๆ กับการเดินทางไปยุโรป เพราะสหรัฐฯ ได้ปิดกั้นหนทางที่ชาวรัสเซียจะเดินทางเข้าประเทศได้โดยตรง นอกจากนี้ทางการสหรัฐฯ ยังได้ลดระดับทางการทูตต่อรัสเซียและลดจำนวนคณะทำงานสถานทูตในรัสเซีด้วยย ก็ทำให้ชาวรัสเซียที่ต้องการวีซาสหรัฐฯ ต้องไปหาจากคาซัคสถานหรือโปแลนด์แทน แต่สองประเทศนี้ต่างก็ปิดกั้นไม่ให้ชาวรัสเซียเดินทางเข้าประเทศได้เว้นแต่มีเหตุผลด้านมนุษยธรรมเท่านั้น
หรือเพราะจีนมีแต้มต่อในความสัมพันธ์กับรัสเซีย
ซาฮิล เมนง ที่ปรึกษาอิสระด้านความมั่งคั่งจากดูไบ ผู้เขียนบทความลงในเคียฟโพสต์และอีเมิร์จจิงยุโรป มองว่า จากปัจจัยเหล่านี้ ทำให้จีนมีแต้มต่อในการต่อรอง โดยอาศัยเรื่องที่ชาวรัสเซียเดินทางไปต่างประเทศได้ลำบากมาเป็นเครื่องมือ จึงมีมาตรการผ่อนปรนให้ชาวรัสเซียเดินทางเข้าจีนได้ง่ายขึ้น
แต่จีนก็ได้ใช้นโยบาย "เปิดพรมแดน" มาเป็นเครื่องมือทางการทูตก่อนหน้านี้แล้ว นโยบายฟรีวีซานี้ จีนได้นำมาใช้กับประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากรัสเซียมาตั้งแต่ปลายปี 2566 เพื่อเป็นเครื่องมือ "ซอฟต์พาวเวอร์" แบบหนึ่ง และเป็นการกระตุ้นให้ชาวต่างชาติหลั่งไหลเข้าประเทศ สำหรับรัสเซียนั้นพวกเขาได้รับฟรีวีซาทีหลังประเทศอื่น และดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่จีนคิดได้ในภายหลังเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวหลังยุค COVID-19
โดยที่ก่อนหน้านี้จีนได้ทำการยกเว้นวีซากับกลุ่มประเทศอียูส่วนหนึ่ง กลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ ประเทศอดีตสหภาพโซเวียตเช่น คาซัคสถาน, อาเซอร์ไบจาน, เบลารุส แม้กระทั่งประเทศประเทศที่ดูเหมือนเป็นอริกันอย่าง ญี่ปุ่น กับ ออสเตรเลีย
อีกสาเหตุหนึ่งที่จีนให้ฟรีวีซารัสเซียช้ากว่าประเทศอื่นๆ คือจีนรู้อยู่แล้วว่ารัสเซียจะทำสงครามยูเครนตอนที่พวกเขาลงนามในความเป็นหุ้นส่วน "no-limit" เมื่อเดือนมกราคม 2565
พอมีสงครามยูเครนเกิดขึ้นแล้ว รัสเซียก็มักจะเกณฑ์ทหารจากเมืองที่อยู่ใกล้กับเขตแมนจูเรียทางตะวันออกของประเทศ ทำให้จีนกังวลว่าถ้าหากเปิดด่านยกเว้นวีซาตอนนั้นก็อาจจะทำให้ต้องแบกรับกลุ่มประชากรที่พวกเขาไม่ต้องการผ่านเข้ามาทางด่านแมนจูเรีย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่หนีทหาร กลุ่มทหารผ่านศึกที่มีแผลใจจากสงคราม คริปโตสแกมเมอร์ รวมถึงพวกสายลับไอโอจากรัสเซีย
ความกลัวของจีนในเรื่องนี้มีตัวอย่างเกิดขึ้นแล้วในบาหลี และในประเทศไทย มีชาวรัสเซียจำนวนหนึ่งที่ได้รับการต้อนรับเข้ามาแล้วก็เข้าไปมีส่วนร่วมในอาชญากรรม กลายเป็นการทำลายความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง
มีข้อสังเกตจาก เมนง ว่าจีนมีแต้มต่อในเรื่องความสัมพันธ์กับรัสเซีย ตรงที่พวกเขากำหนดเวลาให้มีมาตรการงดเว้นวีซ่าหลังจากที่สงครามยูเครนผ่านมาแล้วหลายปี มีข้อสังเกตอีกว่าการที่จีนยกเว้นวีซาให้ประเทศต่างๆ นั้น ประเทศเหล่านั้นไม่ได้กระทำอะไรตอบแทนจีนในแบบเดียวกัน มีประเทศเกาหลีใต้ที่ทำการยกเลิกใบอนุญาตเข้าประเทศสำหรับกรุ๊ปทัวร์จีนที่มีเครดิตดี แต่ก็มีชาวเกาหลีใต้ลงนามต่อต้านเรื่องนี้มากกว่า 52,000 รายชื่อ
ในทางตรงกันข้ามทางการรัสเซียกลับพยายามอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวจีนมากขึ้น จากเดิมที่นักท่องเที่ยวจีนก็มีจำนวนมากในรัสเซียอยู่แล้ว จากสถิติปี 2567 ระบุว่ามีนักท่องเที่ยวจีนไปเที่ยวรัสเซีย 1.2 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ถึง 4 เท่า ซึ่ง เมนง มองว่าจะเป็นการที่รัสเซียยอมตามให้จีนมากขึ้นไปอีกจากที่รัสเซียมีความสัมพันธ์ในฐานะผู้พึ่งพาจีนอยู่ก่อนแล้ว
อย่างไรก็ตามเมนงชี้ว่าการที่สองประเทศมหาอำนาจแห่งยูเรเชียอย่างจีนกับรัสเซียเปิดประตูเข้าหากันเช่นนี้ เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ ด้วยอำนาจและจำนวนประชากรของทั้งสองประเทศอาจจะนำไปสู่การวางระเบียบโลกใหม่ได้
ไม่เพียงเท่านั้นจีนยังคงทำตัวเป็นผู้นำการรวมกลุ่มประเทศในภูมิภาคอื่นๆ อย่าง เอเชียกลาง, เอเชียใต้ และตะวันออกกลาง ด้วย และมีความเป็นไปได้ว่า องค์การความร่วมมือเซียงไฮ้ SCO ที่เป็นองค์การระหว่างประเทศซึ่งประกอบด้วยประเทศเอเชียกลาง จีน และรัสเซีย อาจจะกลายเป็นสิ่งที่เทียบเท่ากับพื้นที่เชงเกนของยุโรปได้ในอนาคต
เรียบเรียงจาก
China's Visa-Free Policy for Russians Isn't the Win Moscow Says It Is, The Moscow Times, 01-10-2025
https://www.themoscowtimes.com/2025/10/01/chinas-visa-free-policy-for-russians-isnt-the-win-moscow-says-it-is-a90689
China-Russia tourism, trade heat up as visa-free policy benefits unleashed, Global Times, 15-09-2025
https://www.globaltimes.cn/page/202509/1343584.shtml
* ข่าว
* การเมือง
* ต่างประเทศ
* ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
* การยกเว้นวีซา
* ฟรีวีซา
* วีซา
* สงครามยูเครน
* จีน
* รัสเซีย
* การท่องเที่ยว