หากวันใดที่ความอดทนของเธอถึงขีดสุดแล้ว ความรู้สึกทั้งหมดที่ถูกกดทับไว้คงได้ระเบิดออกมาราวกับดอกไม้ไฟที่ได้เบ่งบานบนท้องฟ้าเป็นแน่
หากวันใดที่ความอดทนของเธอถึงขีดสุดแล้ว ความรู้สึกทั้งหมดที่ถูกกดทับไว้คงได้ระเบิดออกมาราวกับดอกไม้ไฟที่ได้เบ่งบานบนท้องฟ้าเป็นแน่
อยากเป็นคนที่ทำให้อีกฝ่ายสบายใจ แต่กลับคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรที่จะอยู่เคียงข้างในฐานะคนรัก
ทั้งที่ความจริงแล้วชอบกันซะขนาดนั้นแท้ ๆ แต่กลับไม่มีใครยอมพูดคำนั้นออกมาเลยสักคน แล้วก็เอาแต่คิดเออเองว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้มีใจให้ตัวเองหรอก เพราะเอาแต่คิดแบบนี้เลยไม่เคลียร์กันสักที เห้อ
อยากเป็นคนที่ทำให้อีกฝ่ายสบายใจ แต่กลับคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรที่จะอยู่เคียงข้างในฐานะคนรัก
ทั้งที่ความจริงแล้วชอบกันซะขนาดนั้นแท้ ๆ แต่กลับไม่มีใครยอมพูดคำนั้นออกมาเลยสักคน แล้วก็เอาแต่คิดเออเองว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้มีใจให้ตัวเองหรอก เพราะเอาแต่คิดแบบนี้เลยไม่เคลียร์กันสักที เห้อ
“ขอร้องล่ะ ได้โปรด อย่าทำให้ฉันชอบนายไปมากกว่านี้เลย พอได้แล้ว”
ความปรารถนาที่ไม่จริงใจของเธอ หายอีกฝ่ายรู้เข้าคงไม่ปล่อยให้มันได้เกิดขึ้นจริงเป็นแน่
“ขอร้องล่ะ ได้โปรด อย่าทำให้ฉันชอบนายไปมากกว่านี้เลย พอได้แล้ว”
ความปรารถนาที่ไม่จริงใจของเธอ หายอีกฝ่ายรู้เข้าคงไม่ปล่อยให้มันได้เกิดขึ้นจริงเป็นแน่
ส่วนหลังเรียนจบ ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าใครยังเรียนอะไรยังไงไหม แต่ถ้ามีโอกาสอยากให้ทั้งสองคนเรียนสาขาเดียวกันจะได้มีโอกาสเจอกันบ่อย ๆ เพราะงั้นขอปักวอทอีฟไว้ก่อน !
ส่วนหลังเรียนจบ ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าใครยังเรียนอะไรยังไงไหม แต่ถ้ามีโอกาสอยากให้ทั้งสองคนเรียนสาขาเดียวกันจะได้มีโอกาสเจอกันบ่อย ๆ เพราะงั้นขอปักวอทอีฟไว้ก่อน !
ปี 2 เป็นช่วงที่เริ่มมีใจให้กันแต่ยังไม่ได้ชัดเจนมากในช่วงแรก แต่คนนอกมองมาก็คือรู้เลยว่าพวกเธอไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดาแน่ ๆ จนเกิดเรื่องต่าง ๆ แล้วได้สารภาพรักกันในที่สุด
ปี 2 เป็นช่วงที่เริ่มมีใจให้กันแต่ยังไม่ได้ชัดเจนมากในช่วงแรก แต่คนนอกมองมาก็คือรู้เลยว่าพวกเธอไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดาแน่ ๆ จนเกิดเรื่องต่าง ๆ แล้วได้สารภาพรักกันในที่สุด
"ขอโทษนะคะรุ่นพี่ ฉันคงตอบรับไม่ได้หรอกค่ะ"
"ฮ่ะ ๆ นึกแล้วเชียวว่าต้องตอบปฏิเสธ ก็สมเป็นเธอแล้วล่ะ"
"ขอบคุณสำหรับความรู้สึกที่มีให้นะคะ แล้วก็ขอโทษด้วยจริง ๆ ค่ะที่ฉันรับไว้ไม่ได้"
"อื้ม เข้าใจแล้วล่ะ ว่าแต่ซาซากิจัง มีคนที่ชอบแล้วใช่ไหม?"
"เอ๊ะ? ทำไมถึงรู้ได้ล่ะคะ?"
"สายตาเวลาที่เธอมองฮิดากะคุงน่ะ มันแตกต่างจากเวลามองคนอื่นมากเลยนะนะ"
"ขอโทษนะคะรุ่นพี่ ฉันคงตอบรับไม่ได้หรอกค่ะ"
"ฮ่ะ ๆ นึกแล้วเชียวว่าต้องตอบปฏิเสธ ก็สมเป็นเธอแล้วล่ะ"
"ขอบคุณสำหรับความรู้สึกที่มีให้นะคะ แล้วก็ขอโทษด้วยจริง ๆ ค่ะที่ฉันรับไว้ไม่ได้"
"อื้ม เข้าใจแล้วล่ะ ว่าแต่ซาซากิจัง มีคนที่ชอบแล้วใช่ไหม?"
"เอ๊ะ? ทำไมถึงรู้ได้ล่ะคะ?"
"สายตาเวลาที่เธอมองฮิดากะคุงน่ะ มันแตกต่างจากเวลามองคนอื่นมากเลยนะนะ"
จนกระทั่งวันนึงมีคนมาสารภาพรักกับเธอ เหมือนจะเป็นรุ่นพี่อีกคนที่เธอสนิทด้วย
จนกระทั่งวันนึงมีคนมาสารภาพรักกับเธอ เหมือนจะเป็นรุ่นพี่อีกคนที่เธอสนิทด้วย
ซึ่งทางด้านโฮคุโตะในตอนแรก เขาก็ไม่ได้ชอบเธอนักหรอก เด็กผู้หญิงที่ชอบพูดจาเพ้อเจ้อ เขาไม่คิดว่าคำชมที่ฟุยุกิพูดในตอนแรกจะมาจากใจจริง ๆ แถมหลายครั้งยังหลุดพูดเรื่องที่ทำให้เขาไม่สบายใจอย่างการพูดว่า "สมแล้วที่เป็นลูกชายของ___” แต่ในตอนหลังฟุยุกิรู้ตัวว่าตัวเองพูดจาไม่ดีแล้วก็มีการขอโทษปรับความเข้าใจ จนทั้งคู่ค่อย ๆ ปรับจูนเข้าหากันได้ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ
ซึ่งทางด้านโฮคุโตะในตอนแรก เขาก็ไม่ได้ชอบเธอนักหรอก เด็กผู้หญิงที่ชอบพูดจาเพ้อเจ้อ เขาไม่คิดว่าคำชมที่ฟุยุกิพูดในตอนแรกจะมาจากใจจริง ๆ แถมหลายครั้งยังหลุดพูดเรื่องที่ทำให้เขาไม่สบายใจอย่างการพูดว่า "สมแล้วที่เป็นลูกชายของ___” แต่ในตอนหลังฟุยุกิรู้ตัวว่าตัวเองพูดจาไม่ดีแล้วก็มีการขอโทษปรับความเข้าใจ จนทั้งคู่ค่อย ๆ ปรับจูนเข้าหากันได้ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ
ฟุยุกิเป็นเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่มีความสามารถเรื่องการแสดงเป็นเลิศ เหตุผลที่หลงไหลในตัวโฮคุโตะในตอนแรกก็เป็นเพราะชื่นชม
ฟุยุกิเป็นเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่มีความสามารถเรื่องการแสดงเป็นเลิศ เหตุผลที่หลงไหลในตัวโฮคุโตะในตอนแรกก็เป็นเพราะชื่นชม
แต่นั่นอาจจะเพราะนิสัยกับสภาพแวดล้อมที่โตมาของทั้งคู่ด้วยนั่นแหละ
แต่นั่นอาจจะเพราะนิสัยกับสภาพแวดล้อมที่โตมาของทั้งคู่ด้วยนั่นแหละ