ใกล้ถึงเวลา… ม่านจะเปิดต้อนรับผู้ฟังทุกท่าน
บรรยากาศเริ่มเย็นลง
เสียงรอบข้างเงียบสงัด
ก้าวเข้ามาสิ เชิญเข้ามา
ถึงเวลาฟังเรื่องราว ของเรา กันแล้ว
ใกล้ถึงเวลา… ม่านจะเปิดต้อนรับผู้ฟังทุกท่าน
บรรยากาศเริ่มเย็นลง
เสียงรอบข้างเงียบสงัด
ก้าวเข้ามาสิ เชิญเข้ามา
ถึงเวลาฟังเรื่องราว ของเรา กันแล้ว
[OOOO | สีเขียว]
"แค่ชนะให้ได้ก็พอใช่มั้ยล่ะ"
มือคู่นั้นเอื้อมไปคว้าเชือกตรงหน้าเอาไว้
กระชับตำแหน่งของตัวเองให้เข้าที่
สายตาจับจ้องไปยังเบื้องหน้า
"มาเล่นให้เต็มที่กันเถอะ"
(มาลงเก็บไว้ครับ ◠ ◠)
[OOOO | สีเขียว]
"แค่ชนะให้ได้ก็พอใช่มั้ยล่ะ"
มือคู่นั้นเอื้อมไปคว้าเชือกตรงหน้าเอาไว้
กระชับตำแหน่งของตัวเองให้เข้าที่
สายตาจับจ้องไปยังเบื้องหน้า
"มาเล่นให้เต็มที่กันเถอะ"
(มาลงเก็บไว้ครับ ◠ ◠)
“…เขียนมาแล้วทั้งที ก็ต้องผูกสิครับ…ซาจูนะ…จัง”
“…เขียนมาแล้วทั้งที ก็ต้องผูกสิครับ…ซาจูนะ…จัง”
…วันนี้อีกฝ่ายทำเขา ‘หน้าแดง’ ไปกี่ครั้งแล้วนะ?
เขายืนอยู่ตรงนั้น พลางพยายามคงสีหน้าปกติ หัวใจยังคงเต้นแรง ไม่รู้ว่าที่เต้นไม่เป็นระส่ำนั่น…เป็นเพราะอีกฝ่ายแนบชิดมากกว่าปกติหรือเพราะคำอธิฐานบนกระดาษใบนั้นกันแน่
…หรืออาจจะเป็นทั้งสองอย่างเลยก็ได้
…วันนี้อีกฝ่ายทำเขา ‘หน้าแดง’ ไปกี่ครั้งแล้วนะ?
เขายืนอยู่ตรงนั้น พลางพยายามคงสีหน้าปกติ หัวใจยังคงเต้นแรง ไม่รู้ว่าที่เต้นไม่เป็นระส่ำนั่น…เป็นเพราะอีกฝ่ายแนบชิดมากกว่าปกติหรือเพราะคำอธิฐานบนกระดาษใบนั้นกันแน่
…หรืออาจจะเป็นทั้งสองอย่างเลยก็ได้
แต่ซาจูนะกลับตั้งตัวได้ก่อนโดยใช้แขนโอบเขาไว้ จังหวะนั้นเองที่หัวใจของเรย์จิเต้นแรงราวกับจะทะลุออกจากอก
“เจ็บตรงไหนรึเปล่า?!”
ทว่าสิ่งที่อีกฝ่ายตอบกลับมากลับไม่ใช่คำตอบของคำถาม แต่เป็นประโยคที่ทำให้เขานิ่งไปทันที พร้อมกับสายตาที่เผลอเหลือบไปเห็นทังซาคุในมือที่อีกฝ่ายโชว์ให้ดู
+
แต่ซาจูนะกลับตั้งตัวได้ก่อนโดยใช้แขนโอบเขาไว้ จังหวะนั้นเองที่หัวใจของเรย์จิเต้นแรงราวกับจะทะลุออกจากอก
“เจ็บตรงไหนรึเปล่า?!”
ทว่าสิ่งที่อีกฝ่ายตอบกลับมากลับไม่ใช่คำตอบของคำถาม แต่เป็นประโยคที่ทำให้เขานิ่งไปทันที พร้อมกับสายตาที่เผลอเหลือบไปเห็นทังซาคุในมือที่อีกฝ่ายโชว์ให้ดู
+
เรย์จิตอบกลับแทบจะทันที เมื่ออีกฝ่ายมีท่าทีไม่ยอมเชื่อคำชมที่เขาตั้งใจพูดออกไป สีหน้าแม้จะดูปกติ แต่ปลายหูก็ยังคงขึ้นสีแดงจางๆ
ระหว่างที่เดินต่อไปในฝูงชน เสียงผู้คนรอบข้างคล้ายจะเบาลง กลายเป็นเพียงแค่เสียงพื้นหลัง รู้สึกเหมือนรอบข้างมีแค่เราสอง ทว่าไม่นานนัก เขาก็สัมผัสได้ถึงแรงสะดุดจากมืออีกคนที่กุมกันอยู่
+
เรย์จิตอบกลับแทบจะทันที เมื่ออีกฝ่ายมีท่าทีไม่ยอมเชื่อคำชมที่เขาตั้งใจพูดออกไป สีหน้าแม้จะดูปกติ แต่ปลายหูก็ยังคงขึ้นสีแดงจางๆ
ระหว่างที่เดินต่อไปในฝูงชน เสียงผู้คนรอบข้างคล้ายจะเบาลง กลายเป็นเพียงแค่เสียงพื้นหลัง รู้สึกเหมือนรอบข้างมีแค่เราสอง ทว่าไม่นานนัก เขาก็สัมผัสได้ถึงแรงสะดุดจากมืออีกคนที่กุมกันอยู่
+
“แกล้งคนมันสนุกมากรึไง…แล้วนายไม่ไปอ่านหนังสือเตรียมสอบบ้างหรอ?”
น้ำเสียงของเขาแม้จะดูติดบ่น แต่กลับฟังดูไม่ได้จริงจังมากนัก
“แกล้งคนมันสนุกมากรึไง…แล้วนายไม่ไปอ่านหนังสือเตรียมสอบบ้างหรอ?”
น้ำเสียงของเขาแม้จะดูติดบ่น แต่กลับฟังดูไม่ได้จริงจังมากนัก
เรย์จิกำลังจะเอ่ยถามออกไปว่า เจ็บมากมั้ย แต่ประโยคถัดมาของยูกลับทำให้เรย์จิเปลี่ยนสีหน้าทันที เขาเบ้หน้าขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม
…หมอนี่ชอบขนาดนั้นเลยรึไงเวลาเห็นคนอื่นตกใจกลัวน่ะ?
+
เรย์จิกำลังจะเอ่ยถามออกไปว่า เจ็บมากมั้ย แต่ประโยคถัดมาของยูกลับทำให้เรย์จิเปลี่ยนสีหน้าทันที เขาเบ้หน้าขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม
…หมอนี่ชอบขนาดนั้นเลยรึไงเวลาเห็นคนอื่นตกใจกลัวน่ะ?
+
อ๋อ… อย่างนี้นี่เอง เป็นเจ้าหมอนี่สินะที่ยืนอยู่หลังชั้นหนังสือนั่น
แต่เขาก็ไม่ใช่คนใจร้ายที่จะขำกร๊ากใส่หน้าเพื่อนที่บังเอิญเจ็บตัวเพราะโดนหนังสือกระแทกสันจมูกแถมยังโดนสาดเกลือใส่อีก…
เอาเข้าจริงมันก็แอบน่าขำอยู่นิดๆ แฮะ
+
อ๋อ… อย่างนี้นี่เอง เป็นเจ้าหมอนี่สินะที่ยืนอยู่หลังชั้นหนังสือนั่น
แต่เขาก็ไม่ใช่คนใจร้ายที่จะขำกร๊ากใส่หน้าเพื่อนที่บังเอิญเจ็บตัวเพราะโดนหนังสือกระแทกสันจมูกแถมยังโดนสาดเกลือใส่อีก…
เอาเข้าจริงมันก็แอบน่าขำอยู่นิดๆ แฮะ
+
แต่ประโยคถัดมาของอีกฝ่ายกลับทำให้เขาชะงัก
“หา?”
เขาขมวดคิ้วแล้วมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ เขาไปทำอะไรหมอนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน???
+
แต่ประโยคถัดมาของอีกฝ่ายกลับทำให้เขาชะงัก
“หา?”
เขาขมวดคิ้วแล้วมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ เขาไปทำอะไรหมอนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน???
+
เรย์จิบ่นพึมพำในขณะที่ก้มหน้าก้มตาปัดเกลือบนไหล่ของอีกฝ่าย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย สีหน้าออกจะเอือมระอาเศษเกลือที่ยังติดตามเสื้ออยู่ไม่หมดซักที นี่เขาสาดไปเยอะขนาดไหนกัน…
แต่เมื่อเขาปัดจนสะอาดหมดจด เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ก็พบว่าคนตรงหน้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม แถมมีรอยยิ้มกริ่มประดับอยู่บนใบหน้า
+
เรย์จิบ่นพึมพำในขณะที่ก้มหน้าก้มตาปัดเกลือบนไหล่ของอีกฝ่าย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย สีหน้าออกจะเอือมระอาเศษเกลือที่ยังติดตามเสื้ออยู่ไม่หมดซักที นี่เขาสาดไปเยอะขนาดไหนกัน…
แต่เมื่อเขาปัดจนสะอาดหมดจด เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ก็พบว่าคนตรงหน้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม แถมมีรอยยิ้มกริ่มประดับอยู่บนใบหน้า
+
เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
แต่ไม่อาจหลบซ่อนน้ำเสียงที่สั่นไหวของเขาได้
“ซาจูนะจัง…ใส่อะไรก็ดูดีหมดนั่นแหละ รวมถึง…ตอนนี้ก็ด้วย…”
โดยเฉพาะเมื่อเสื้อคลุมของเขาเมื่ออยู่บนตัวอีกฝ่าย ยิ่งทำให้เธอดูดีขึ้นไปอีก…ในสายตาของเขา
พูดจบ เรย์จิก็รีบก้าวเท้าเร็วขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย เพื่อไปยังจุดหมายได้ไวขึ้น
เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
แต่ไม่อาจหลบซ่อนน้ำเสียงที่สั่นไหวของเขาได้
“ซาจูนะจัง…ใส่อะไรก็ดูดีหมดนั่นแหละ รวมถึง…ตอนนี้ก็ด้วย…”
โดยเฉพาะเมื่อเสื้อคลุมของเขาเมื่ออยู่บนตัวอีกฝ่าย ยิ่งทำให้เธอดูดีขึ้นไปอีก…ในสายตาของเขา
พูดจบ เรย์จิก็รีบก้าวเท้าเร็วขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย เพื่อไปยังจุดหมายได้ไวขึ้น
แต่ก่อนที่พวกเขาจะไปถึง เสียงของซาจูนะก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
เรย์จิหยุดเดิน ก่อนหันกลับไปมองอีกฝ่ายครู่หนึ่ง ดวงตาสีชมพูของเขาวูบไหวเล็กน้อย ก่อนจะเบือนหน้าหนี กลับไปเดินต่อ
+
แต่ก่อนที่พวกเขาจะไปถึง เสียงของซาจูนะก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
เรย์จิหยุดเดิน ก่อนหันกลับไปมองอีกฝ่ายครู่หนึ่ง ดวงตาสีชมพูของเขาวูบไหวเล็กน้อย ก่อนจะเบือนหน้าหนี กลับไปเดินต่อ
+
ทั้งคู่เดินฝ่าฝูงชนที่เริ่มหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะ เสียงพูดคุยและแสงสีของโคมไฟกระดาษที่ส่องสว่างไปทั่วทางเดิน
เรย์จิจับมืออีกฝ่ายไว้แน่นขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว เพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายหลงท่ามกลางผู้คน
+
ทั้งคู่เดินฝ่าฝูงชนที่เริ่มหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะ เสียงพูดคุยและแสงสีของโคมไฟกระดาษที่ส่องสว่างไปทั่วทางเดิน
เรย์จิจับมืออีกฝ่ายไว้แน่นขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว เพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายหลงท่ามกลางผู้คน
+
เขาพยายามเก็บสีหน้าให้ดูเป็นปกติที่สุด ทว่าคนตรงหน้ากลับยังไม่ยอมกุมมือเขาเสียที มีแต่แหย่ปลายนิ้วไปมาเหมือนแกล้งกันเล่น
+
เขาพยายามเก็บสีหน้าให้ดูเป็นปกติที่สุด ทว่าคนตรงหน้ากลับยังไม่ยอมกุมมือเขาเสียที มีแต่แหย่ปลายนิ้วไปมาเหมือนแกล้งกันเล่น
+
แม้สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ในใจกลับรู้สึกแปลกใจอยู่ลึกๆ
ไม่เป็นไรหรอก ยังไงบ้านของซาจูนะก็อยู่ใกล้ๆ ไว้ตอนกลับไปเยี่ยมคุณยาย คราวหน้าค่อยแวะไปเอาคืนก็ยังทัน…
+
แม้สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ในใจกลับรู้สึกแปลกใจอยู่ลึกๆ
ไม่เป็นไรหรอก ยังไงบ้านของซาจูนะก็อยู่ใกล้ๆ ไว้ตอนกลับไปเยี่ยมคุณยาย คราวหน้าค่อยแวะไปเอาคืนก็ยังทัน…
+
เขาค่อยๆ ยื่นมือไปปัดเศษเกลือบนไหล่เสื้อของยูออก พลันสายตาเหลือบไปเห็นจมูกของอีกฝ่ายที่แดงกว่าปกติ
ไปโดนอะไรมาล่ะนั่น… เขาคิดในใจ
เขาค่อยๆ ยื่นมือไปปัดเศษเกลือบนไหล่เสื้อของยูออก พลันสายตาเหลือบไปเห็นจมูกของอีกฝ่ายที่แดงกว่าปกติ
ไปโดนอะไรมาล่ะนั่น… เขาคิดในใจ
เรย์จิยืนค้างอยู่ตรงนั้นพักนึง ก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมเอามือก่ายหน้าผากตัวเอง เขาขมวดคิ้วมุ่นใบหน้าเริ่มขึ้นสีแดงซ่านจากความอับอายในสิ่งที่ตัวเองเผลอทำลงไปเมื่อครู่…ทั้งเสียงดังในห้องสมุดและเผลอตัวสาดเกลือใส่คนตรงหน้า…อีกแล้ว…
“ทำอะไรของนายเนี่ย ยู!”
+
เรย์จิยืนค้างอยู่ตรงนั้นพักนึง ก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมเอามือก่ายหน้าผากตัวเอง เขาขมวดคิ้วมุ่นใบหน้าเริ่มขึ้นสีแดงซ่านจากความอับอายในสิ่งที่ตัวเองเผลอทำลงไปเมื่อครู่…ทั้งเสียงดังในห้องสมุดและเผลอตัวสาดเกลือใส่คนตรงหน้า…อีกแล้ว…
“ทำอะไรของนายเนี่ย ยู!”
+