MaxineClaireavl
banner
maxineclaireavl.bsky.social
MaxineClaireavl
@maxineclaireavl.bsky.social
Hell is not other people; Elon is.
Pinned
เล่นทวิตได้ปีกว่าก็ต้องมาเกิดใหม่เป็นเอลฟ์ในบลูสกายซะแล้ว
Reposted by MaxineClaireavl
summoning circle, hope this works

   🕯
              🗽              🥯
        🚕                          🍎

    🕯     zohran          🕯

        🍎                          🚕
              🥯             🗽
                       🕯
November 4, 2025 at 7:27 PM
Reposted by MaxineClaireavl
I'm sick of ridiculously rich people.
I'm sick of being told we have to make them richer.
I'm sick of them not having to pay tax like everyone else.
I'm sick of them pretending to be essential.

When actually they are worse than useless.
November 5, 2025 at 12:32 AM
Reposted by MaxineClaireavl
‘เก่งกิจ’ มองขบวนการเคลื่อนไหว เห็น ‘ความเหลื่อมล้ำ’ มุมที่กว้างขึ้น แต่พื้นที่พูดคุยกลับลดลง
‘เก่งกิจ’ มองขบวนการเคลื่อนไหว เห็น ‘ความเหลื่อมล้ำ’ มุมที่กว้างขึ้น แต่พื้นที่พูดคุยกลับลดลง 112 WATCH รายงาน admin666 Wed, 2025-11-05 - 13:31 112 WATCH พูดคุยกับ เก่งกิจ กิตติเรียงลาภ รองศาสตราจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถึงขบวนการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มองเห็นปัญหาความเหลื่อมล้ำในมุมมองที่กว้างมากขึ้น ทำให้เกิดกลุ่มเคลื่อนไหวด้านแรงงานในอุตสหากรรมใหม่ๆ ที่เชื่อมโยงปัญหาความเหลื่อมล้ำกับปัญหาระบบการปกครองของไทยในทุกมิติชีวิต แต่พื้นที่การแสดงความคิดเห็นแบบเสรีกลับกำลังหดหายไปจากสังคม แม้ว่าเรื่องราวจะถูกแบ่งปันกันมากขึ้นขบวนการเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่การตีความกฎหมายมาตรา 112 ก็ขยายไปจากตัวบทกฎหมายมากขึ้นด้วยเช่นกัน  ในฐานะที่อาจารย์ศึกษาเรื่องชนชั้นและมาร์กซิสต์ อาจารย์มองว่าการเรียกร้องประชาธิปไตยและการปฏิรูปสถาบันของคนรุ่นใหม่ในวันนี้ แท้จริงแล้วมันคือการต่อสู้เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมไปพร้อม ๆ กันด้วยหรือไม่? และการเคลื่อนไหวนี้กำลังบอกอะไรเกี่ยวกับอนาคตของประเทศไทย? เก่งกิจ - ผมคิดว่าเรื่องนี้ชัดเจนมากขึ้นในช่วงหลังรัฐประหารปี 2557 เป็นต้นมา โดยเฉพาะการเกิดขึ้นของม็อบคนรุ่นใหม่ในปี 2563 ที่ข้อเรียกร้องหรือประเด็นที่ถูกยกขึ้นมาในม็อบมีการแพครวมกันหลายประเด็น ที่ไม่ใช่แค่ขับไล่เผด็จการเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของสิทธิทางเพศ รัฐสวัสดิการ ความเหลื่อมล้ำในระบบการศึกษา ความไม่มั่นคงในชีวิตในอนาคต หรือแม้แต่กระแสการย้ายประเทศก็ชัดเจนว่า เต็มไปด้วยมิติความเหลื่อมล้ำที่กินความไปถึงการไม่มีอนาคตด้วย เนื้อหาสำคัญมากๆ ของเรื่องนี้ก็คือ ผู้เรียกร้องประชาธิปไตยชัดเจนว่า ภายใต้ระบอบเผด็จการ ประเทศไทยเหลื่อมล้ำมากขึ้น ไม่มีโอกาสในการยกระดับพัฒนาชีวิตเลย และหากไร้ซึ่งประชาธิปไตย การสร้างสังคมที่เสมอก็เป็นไปได้ยาก และในทางกลับกัน ความเหลื่อมล้ำที่มหาศาลขนาดนั้นก็บ่อนเซาะการสร้างประชาธิปไตยและการทำให้ประชาธิปไตยมีความมั่นคงด้วย ผมนึกถึงเมื่อช่วงก่อนรัฐประหารปี 2549 นักกิจกรรมแนวสังคมนิยมและแนวรัฐสวัสดิการเริ่มก่อตัวขึ้น สมัยนั้น อาจารย์ษัษฐรัมย์เป็นนักกิจกรรมในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมกับผม เราทำงานด้านแรงงานและเรียกร้องรัฐสวัสดิการ ซึ่งเป็นประเด็นที่จุดติดมากในหมู่นักกิจกรรมสายแรงงานและแรงงานในสายสหภาพเอกชน แต่สำหรับนักกิจกรรมในแวดวงอื่น ๆ ที่สนับสนุนประชาธิปไตยนั้น พวกเขามองว่า รัฐสวัสดิการไม่เกี่ยวกับประชาธิปไตย มันเป็นปัญหาปากท้อง และในสายที่ปฏิเสธรัฐก็จะมองว่า รัฐสวัสดิการคือการเพิ่มอำนาจให้รัฐมากเกินไป ทำให้การเรียกร้องหรือประเด็นรัฐสวัสดิการไม่ค่อยได้รับการพูดถึง แต่การที่ประเด็นรัฐสวัสดิการได้รับการพูดถึงมากขึ้นในช่วงหลังนี่คือความก้าวหน้าสำคัญที่มิติความเหลื่อมล้ำทั้งด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการเมืองกลายมาเป็นเรื่องเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ความหมายของประชาธิปไตยมันครอบคลุมและขยายไปคลุมทุกมิติของชีวิต ซึ่งผมว่าน่าสนใจ ในโลกยุคใหม่ที่คนทำงานส่วนใหญ่ใช้ความรู้และความคิดสร้างสรรค์ (แรงงานอวัตถุ) แต่อาจารย์ก็เห็นว่าคนยังถูกกดขี่ คิดว่าคนทำงานกลุ่มนี้ควรจะได้รับสวัสดิการหรือการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกที่แตกต่างจากเดิมอย่างไร เพื่อให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้นได้จริง? ผมคิดว่า แนวโน้มของโลกก็คือ คนทำงานหรือแรงงานทั้งโลกกำลังเดินเข้าไปสู่การผลิตที่เน้นความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และอารมณ์ความรู้สึก แรงงานประเภทนี้ไม่ได้จำกัดแค่คนทำงานในเศรษฐกิจสร้างสรรค์เท่านั้น แต่ยังหมายถึงแรงงานในภาคบริการซึ่งกลายมาเป็น sector ทางเศรษฐกิจที่ใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ ในสังคมไทยด้วย อย่างไรก็ดี สถานะของแรงงานในประเทศไทยก็กำลังง่อนแง่นอย่างมาก การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมอุตสาหกรรมในช่วงหนึ่งทำให้สหภาพแรงงานและขบวนการแรงงานขยายตัว แต่การเปลี่ยนผ่านระลอกใหม่ที่แรงงานถูกจ้างงานแบบยืดหยุ่น รวมถึงงานในภาคบริการที่ขยายตัวมากขึ้นในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมาก็กำลังบั่นทอนความเข้มแข็งของขบวนการแรงงาน ลองนึกถึงว่า คนที่มีบทบาทออกมาต่อต้านรัฐประหารปี 2534 ก็คือ ขบวนการแรงงาน คุณทนง โพธิ์อ่าน ผู้นำแรงงานคือคนแรกที่ถูกอุ้มหายเพราะออกมาคัดค้านรัฐประหารในปีนั้น แต่พอมาปี 2549 ผู้นำแรงงานอย่างสมศักดิ์ โกศัยสุข กลับเป็นแกนนำของขบวนการเสื้อเหลือง เราจะเห็นกรเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างชัดเจนจากกรณีข้างต้น ความน่าสนใจเกิดขึ้นหลังปี 2557 เป็นต้นมา ที่แรงงานรุ่นใหม่ ๆ หน่อย (คือไม่ใช่รุ่นสมศักดิ์) กลายมาเป็นพลังของฝ่ายประชาธิปไตย หลายคนที่เคยมีส่วนเรียกร้องรัฐสวัสดิการ ซึ่งเป็นแรงงานจากภาคเอกชน กลายมาเป็นนักกิจกรรมคัดค้านรัฐประหารอย่างแข็งขัน และหลายคนอยู่ในปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล เช่น คุณเซีย จำปาทอง ซึ่งเป็นนักสหภาพแรงงานที่ผมมีโอกาสทำงานด้วยตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา ตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร 2549 จนร่วมกันต่อต้านรัฐประหาร และเรียกร้องรัฐสวัสดิการ แม้ว่าขบวนการแรงงานจะดูอ่อนแอลงไป แต่ผมเห็นการเกิดใหม่ที่มาพร้อมกับการเกิดระลอกการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนี้ เช่น สหภาพไรเดอร์ สหภาพคนทำงาน และสหภาพบาริสต้า ซึ่งเป็นสหภาพของคนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและรูปแบบการจ้างงานใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหภาพเหล่านี้มีบทบาทอย่างมากในวิพากษ์ระบอบเผด็จการและเรียกร้องประชาธิปไตย รวมถึงการเรียกร้องรัฐสวัสดิการในช่วงที่ผ่านมา หากปราศจากการรวมกลุ่มใหม่ๆ ของแรงงานเหล่านี้ การเรียกร้องรัฐสวัสดิการก็อาจจะเป็นแค่ชายขอบอยู่ อาจารย์คิดว่าการที่รัฐใช้กฎหมายที่เข้มงวด เช่น มาตรา 112 กับประชาชนและนักเคลื่อนไหวจำนวนมาก เป็นวิธีที่รัฐใช้เพื่อปกป้องตัวเองจากความเปลี่ยนแปลงอย่างไร? และการใช้กฎหมายแบบนี้ส่งผลเสียต่อการพัฒนาประเทศและสังคมในระยะยาวแค่ไหน? การใช้กฎหมาย 112 นี่นอกจากจะใช้เพื่อปกป้องระบอบเผด็จการที่มียอดสุดเป็นสถาบันเก่าแก่แล้ว ยังใช้เพื่อกดปราบเสรีภาพในภาพรวมของประชาชนของรัฐไทยด้วย การใช้ 112 แบบหว่านแห ใครฟ้องก็ได้ และศาลก็ไม่กล้าปฏิเสธนั้นกลายมาเป็นบรรทัดฐานที่รัฐและชนชั้นนำไฟเขียว การขยายตัวของ 112 ยังทำให้การฟ้องปิดปาก เช่น คดีหมิ่นประมาท คดีคอมพิวเตอร์ และอื่น ๆ ขยายตัวขึ้น พูดง่าย ๆ ก็คือ หลายเรื่องถูกทำให้รุนแรงมากขึ้นด้วยการเมืองที่เป็นเผด็จการ กล่าวอีกอย่างก็คือ การทำให้ความขัดแย้งและความเห็นต่างกลายเป็นคดีการเมือง ทั้งหมดนี้เป็นการร่วมมือกันของชนชั้นนำไทย ที่รวมทั้งชนชั้นนำจารีต กองทัพ และชนชั้นนำทางเศรษฐกิจ พวกเขาได้ประโยชน์จากการที่ระบอบการเมืองมีลักษณะเช่นนี้และไม่มีการเปลี่ยนแปลงแบบถอนรากถอนโคน ยิ่งข้อเรียกร้องของการเปลี่ยนแปลงของฝ่ายประชาธิปไตยขยายออกไปครอบคลุมมิติที่กว้างขวางมากขึ้นเท่าไร ชนชั้นนำยิ่งกลัว และยิ่งอาศัยข้ออ้างว่าด้วยการล้มล้างสถาบันฯ เป็นข้ออ้างในการปราบปรามและผลักฝ่ายประชาธิปไตยออกไป ในแง่ภาพลักษณ์นั้นแน่นอนว่า ประเทศไทยดูเป็นเผด็จการในสายตาชาวโลก และในสายตาของคนไทย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เองที่โตมากับบรรยากาศทางความคิดและเงื่อนไขทางเทคโนโลยีที่ควรจะรองรับเสรีภาพทางการแสดงความเห็น ผมว่าในระยะไม่นาน (ไม่ต้องระยะยาว) ความขัดแย้งนี้จะรุนแรงมากขึ้น และการใช้ 112 หรือข้ออ้างว่าด้วยการปกป้องสถาบันฯ อย่างบ้าคลั่งจะกลายเป็นเรื่องน่าสมเพชและเรื่องตลกสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ไม่อินกับสถาบันฯ ซึ่งจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ช่วงนี้เราเห็นอาจารย์หลายท่านออกมาพูดเรื่องการเมืองอย่างเปิดเผย อาจารย์มองว่าบทบาทของนักวิชาการในสังคมที่ความคิดเห็นยังไม่เป็นอิสระเต็มที่ ได้เปลี่ยนไปแล้วหรือยัง? และการที่อาจารย์ออกมาพูดอย่างตรงไปตรงมามีความสำคัญอย่างไรต่ออนาคตของการศึกษาและประชาธิปไตย? เอาจริง ๆ ผมว่าสัก 20 ปีก่อน เราพูดกันได้เยอะกว่านี้ หมายความว่า เราพูดอะไรกันได้เปิดเผยกว่านี้ เช่น ในเว็บบอร์ด หรือพื้นที่อื่น ๆ แต่การพูดก็ยังเหมือนการซุบซิบเม้ามอยหรือแชร์เอกสารข้อมูล ซึ่งก็มีคนไม่มาก แล้วก็ไม่ได้พูดเปิดหน้า แต่ตอนนี้หลายเรื่องถูกรับรู้มากขึ้นจากความพยายามขยายพื้นที่ของคนรุ่นก่อน โดยมีคนมากขึ้นเข้ามามีบทบาทในการพูดในที่สาธารณะ นักวิชาการก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศนี้ที่ออกมาเปิดหน้ามากขึ้น แต่ผมว่าก็ยังไม่เรียกว่าสังคมเราก้าวหน้าไปมากนัก เพราะในความเป็นจริง เพดานหรือขอบเขตของการพูดของเราหดลงอย่างมาก หลายเรื่องที่เราเคยพูดกันก็พูดไม่ได้แล้ว เพราะการตีความกฎหมายตอนนี้มันกว้างขวางและบ้าคลั่งมาก ผมคิดว่า นักวิชาการซึ่งใช้ชีวิตและหากินกับการเขียน คำพูด และการใช้ภาษาในภาพรวมน่าจะช่วยกันมากขึ้นกว่านี้ บางทีผมก็เข้าใจว่า ด้วยความเป็นวิชาชีพ เราไม่ถนัดเรื่องไหน เราก็จะไม่อยากแสดงความเห็น แต่ผมว่าพื้นที่แบบโซเชียลมีเดียทุกวันนี้มันไม่ได้เรียกร้องให้เราต้องเชี่ยวชาญทุกเรื่อง บางทีเราทำอะไรได้หลายๆ อย่าง หลาย ๆ ช่องทางในการสนับสนุนขบวนการประชาธิปไตย การพูดอะไรแบบไม่ซีเรียส ไม่อยู่ในมาดแบบวิชาการมาก ๆ ก็เป็นเรื่องที่เราอาจะทำได้มากขึ้น และน่าทำ โอกาสของการเปลี่ยนแปลง: ในสถานการณ์ที่การเมืองยังคงตึงเครียดและคนถูกดำเนินคดีจำนวนมาก อาจารย์มองเห็น "ทางออก" หรือ "ความเป็นไปได้" ที่จะทำให้สังคมไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างไปในทางที่ดีขึ้นและเป็นธรรมได้อย่างไรบ้าง? อะไรคือพลังสำคัญที่จะนำไปสู่สิ่งนั้นได้จริง? ผมมั่นใจตลอดมาว่า เรามีทางออกและเป็นไปได้อย่างมากที่ประชาชนจะชนะ สังคมไทยเป็นส่วนหนึ่งของโลก ในขณะนี้ โลกมันเปลี่ยนไวมาก โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี ซึ่งมันไปปรับเปลี่ยนขยับขยายมุมมองโลกทัศน์ของผู้คน รวมถึงมันไปเสริมให้การเชื่อมต่อกันเกิดขึ้นได้ มันจะกลายเป็นเรื่องตลกมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่รัฐหรือชนชั้นนำจะอ้างได้ว่า ตนเองเป็นเทวดา หรือประเทศไทยดีที่สุดในโลก หรือแม้แต่การปลุกกระแสคลั่งชาติ ผมว่าคนรุ่นใหม่ ๆ ที่โตมาในบรรยากาศการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่อิน และมองว่าไร้สาระ กระแสคลั่งชาติของกัน จอมพลัง นี่นักศึกษาผมไม่อินด้วยเลย ถามใครก็บอกว่าไม่ชอบ คำถามคือ คนที่เอากับการคลั่งชาติอยู่ตรงไหน ผมว่าส่วนมากคือพวกคนรุ่น 40 ขึ้นไป โดยเฉพาะพวกที่โตมากับสื่อแบบเก่า และเคยชินกับเรื่องเล่าแบบเก่า ที่คนรุ่นหลังๆ ไม่อินแล้ว ทว่า ปัญหาใหญ่ก็คือ แม้ว่าความคิดคนจะเปลี่ยนแปลงไปด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ มันเปลี่ยน แต่โอกาสการรวมกลุ่มกันเป็น “ขบวนการ” มันเกิดยาก และผมว่าเกิดยากขึ้นเรื่อย ๆ เราอาจจะเห็นม็อบ หรือแม้แต่พรรคการเมืองใหม่ ๆ ที่เข้ามานำการขับเคลื่อน แต่เราจะไม่เห็นขบวนการที่ยืนระยะและรวบรวมคนเข้ามา ผมไม่มั่นใจว่า ในสถานการณ์ที่ม็อบเกิดง่าย ขบวนการยังจะเกิดได้หรือไม่ หรือเรายังจำเป็นต้องมีขบวนการหรือไม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราต้องคุยกันซีเรียสมากขึ้น หรือเราจะให้พรรคเป็นตัวนำไปเลย ซึ่งผมคิดว่า ถ้าเราฝากความหวังให้พรรคนำโดยไม่มีการเมืองนอกสภา โอกาสเปลี่ยนอะไรก็ยาก และพรรคการเมืองก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเกมรัฐสภาที่มองไปไกลมากไม่ได้ ส่วนตัวผมยังเชื่อว่า เราต้องมีขบวนการเคลื่อนไหวที่เข้มแข็ง แต่มันจะมีหน้าตาอย่างไร อันนี้อยากให้เราริเริ่มคุยกัน * สัมภาษณ์ * สิทธิมนุษยชน * เก่งกิจ กิตติเรียงลาภ * 112 Watch * ขบวนการแรงงาน * มาตรา 112
dlvr.it
November 5, 2025 at 7:20 AM
Reposted by MaxineClaireavl
เรารู้จักผีล้านนาไปทำไม | มาอู้มาจ๋า EP1

www.youtube.com/watch?v=ARPn...
เรารู้จักผีล้านนาไปทำไม | มาอู้มาจ๋า EP1
YouTube video by LANNER News
www.youtube.com
November 5, 2025 at 5:40 AM
อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉา อิจฉ-
November 5, 2025 at 10:30 AM
Reposted by MaxineClaireavl
November 5, 2025 at 6:11 AM
Reposted by MaxineClaireavl
November 5, 2025 at 2:41 AM
Reposted by MaxineClaireavl
VICE's owner Savage Ventures has requested the removal of my Collective Shout articles. This is due to concerns about the controversial subject matter—not journalistic complaints

Effective immediately, I will no longer contribute to Waypoint. I suggest letting VICE's owner know if this upsets you
July 20, 2025 at 12:52 PM
Reposted by MaxineClaireavl
"This world that we've tumbled into is a world of fiction!"

"Doctor Who: The Mind Robber" episode 3 (1968). #DoctorWho
September 28, 2025 at 6:01 PM
Reposted by MaxineClaireavl
got caught in 4k sleeping face down and drooling
August 2, 2025 at 4:05 AM
Reposted by MaxineClaireavl
One of my absolute favourite reads of the year! A super inventive blend of Nigerian folklore and futurism. (And the story ‘Ganger’ is just *chef’s kiss*)
August 1, 2025 at 10:54 AM
Reposted by MaxineClaireavl
morning mood
July 31, 2025 at 10:57 AM
Reposted by MaxineClaireavl
[Please RT]

#ชานมจะระดมทุน
❗️สติกเกอร์ระดมทุนช่วยเหลือเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมา❗️

Milk Tea Alliance Sticker Set - Fundraising for Myanmar Earthquake Relief

ชุดละ 120 บาท (5 ชิ้น)
120 THB per set
: bit.ly/mtathadonate

#แผ่นดินไหว
#แผ่นดินไหวเมียนมา
#earthquake
#earthquakemyanmar
March 30, 2025 at 3:04 AM
Reposted by MaxineClaireavl
🙏 ศิลปินชาวเมียนมาเปิดแคมเปญระดมทุนช่วยเหลือเหยื่อแผ่นดินไหว รับคอมมิชชั่นเริ่มต้น 80 บาท มีนักวาดชาวเมียนมาหลายท่านเข้าร่วม ถ้าใครสนใจติดต่อตามในโพสต์ได้เลยนะคะ

Myanma artists open art Commission donate to Myanmar, link below👇

#แผ่นดินไหว #earthquakemyanmar
March 30, 2025 at 7:07 AM
Reposted by MaxineClaireavl
คนไทยมันขี้เหยียดประเทศเพื่อนบ้านมาก เห็นแล้วโคดเส้า เป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับนี่มาโดยตลอดตั้งแต่เด็กๆละ ฟังกี่ทีก็ไม่ไหว หดหู่เกิน
March 29, 2025 at 10:14 AM
Reposted by MaxineClaireavl
January 8, 2025 at 7:14 AM
Reposted by MaxineClaireavl
Reposted by MaxineClaireavl
นักวาดไทยหลายคนที่ดังๆงานดีๆแม่งเรซิสต์แบบชิบหายไม่รู้ตัวมาก ตั้งแต่บางคนช่วยปั่นแท็กต้านวัฒนธรรมร่วม ยันเรื่องคนดำตอนนี้
December 12, 2024 at 11:45 AM
Reposted by MaxineClaireavl
Hope your day gets better with this pic ✨🫶🏻
December 12, 2024 at 3:19 AM
Reposted by MaxineClaireavl
December 11, 2024 at 11:58 PM
Reposted by MaxineClaireavl
New event!
📆16th Dec
🕔5pm BKK time

Thai Lawyers for Human Rights host seminar "If anyone speaks they will be (arrested &*) imprisoned" / "ถ้าใครพูด จะจับขังให้หมด" discussing the role of secret courtrooms & Judicial "Neutrality".

At Thammasat University.

(*not 100% sure on translation here)
December 9, 2024 at 12:55 PM
Reposted by MaxineClaireavl
ช่วงนี้งานยุ่งมากๆ เลยไม่ค่อยได้เข้ามา...

แต่อยากจะบอกว่าปก #tkgnovel เล่ม 3 เสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ เจอกันรอบพรีปลายเดือนหน้าค่ะ ! 🥹🫶💖
December 5, 2024 at 6:03 PM
Reposted by MaxineClaireavl
แต่นามปากกาก็เหมือนแบรนด์นะ ใครจะเปลี่ยนก็คิดดี ๆ ฮับ การจดจำแบรนดิ้งได้ก็สำคัญ เช่น ถ้าเขียนมานานจนพอมีชื่อแล้ว จะเปลี่ยนก็อาจส่งผลมาก คนอ่านขาจรอาจหายวับ หรือถ้าเพิ่งเริ่มเขียน เพิ่งเริ่มสร้างฐาน การเปลี่ยนก็ยังส่งผลได้เหมือนกันเพราะบางทีอาจเท่ากับเริ่มจาก 0 ใหม่ได้ แล้วก็ยังมีสตอรี ความผูกพัน ที่มาของนามปากกานั้น ๆ อีก
December 6, 2024 at 4:38 AM
Reposted by MaxineClaireavl
เพลงแนว electric swing นี่ของโปรดจริง ฟังตั้งแต่ประถมจนตอนนี้ก้ยังหยุดแดนซ์ไม่ได้

น่าจะเปนเพลงแนวเดียวที่นี่อยากลุกขึ้นมาเต้นมาก 5555555555
เป็นแนว Jazz ผสมจังหวะเร็วอ่ะ โครตมันส์ โครตดือ โครตแดนซ์

ใส่ชุดยุคเก่าๆแบบชุดสูทผช รองเท้าคทชู ใส่หมวก ละขอ step-เท้า สักที (มีไม้เท้าด้วยยิ่งแจ่ม)
December 8, 2024 at 10:26 AM
Reposted by MaxineClaireavl
เรื่องนี้ก็น่าสนใจดี นางเอกเป็นนักข่าวที่แหล่งข้อมูลเพิ่งฆ่าตัวตาย บอกอเลยสั่งให้ไปช่วยคนเมกันทำพอดแคสต์ทรูไครม์ที่สนใจคดีคนหายตัวไปสามคนเมื่อยี่สิบปีก่อนในบ็อดคินที่ไอร์แลนด์ ชีทั้งเหม็นประเทศบ้านเกิดตัวเอง ทั้งเหม็นพอดแคสต์ แล้วคนในบ็อดคินก็ไม่อยากให้ความร่วมมือ แนวๆ ตัวละครชาวบ้านบอกอย่ามาขุดอดีต แต่นุชอบตรงบางตัวละครเลือกเหตุผลตัดบทว่าที่นี่สุขสงบ ไม่ได้มีคดีอาชญากรรมล้นแบบเมกานะ
December 5, 2024 at 3:17 PM